Posted on Leave a comment

Differential Signaling vs Single-ended Signaling ต่างกันอย่างไร

Differential signaling

เป็นการส่งสัญญาณผ่านสายสัญญาณ 2 เส้น โดยที่ทั้งสองเส้นนั้นมีขนาดของสัญญาณเท่ากัน แต่ขั้วตรงกันข้าม เช่น ในขณะที่เส้นหนึ่งเป็น 5v อีกเส้นจะเป็น -5v ข้อดีของระบบนี้คือ สามารถกำจัดสัญญาณรบกวนที่เป็น common-mode (สัญญาณที่ทั้งสองสายมีเหมือนกันทั้งขนาดและขั้ว) ได้ดี เช่น สัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสายส่งสัญญาณ เนื่องจากสัญญาณที่เราต้องการส่งนั้นมีทิศทางตรงข้ามกัน แต่สัญญาณรบกวนที่เข้ามาในสายสัญญาณนั้น ก็จะเข้าเหมือนกันทั้งสองสาย จึงสามารถกำจัดได้ง่าย โดยใช้ differential amplifier ทำให้ระบบ differential signaling ทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดี และทำให้ส่งสัญญาณได้ไกล และเร็ว

Single-ended Signaling

เป็นการส่งสัญญาณผ่านสายสัญญาณ 2 เส้น โดยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณ หรือระดับแรงดันไฟฟ้า เพียงเส้นเดียว อีกเส้นจะเป็นระดับอ้างอิงคงที่เสมอ ซึ่งมักจะเป็น ground ของระบบ ระบบนี้จะแยกสัญญาณรบกวนออกได้ยากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องการส่งสัญญาณที่ความถี่สูง เพราะตัวสัญญาณรบกวนเองก็มักจะความถี่สูง ระบบจึงแยกสัญญาณรบกวนออกจากสัญญาณที่ต้องการได้ยาก ทำให้ส่งสัญญาณที่ความถี่สูงมากไม่ได้ และระยะทางก็ได้ไม่ไกล เนื่องจากยิ่งไกลมาก ก็ยิ่งมีโอกาสถูกรบกวนได้ง่าย อีกทั้งยังมีผลของค่าความจุ และความเหนี่ยวนำในสายสัญญาณอีก แต่ข้อดีคือเป็นระบบที่เรียบง่าย ไม่มีอุปกรณ์อะไรมาก ทำให้ต้นทุนต่ำ

อ้างอิง